สายน้ำจันท์โฮมสเตย์ ครบทั้งเรื่องเที่ยว เรื่องกิน ทริปเดียวสุดคุ้ม

—————————————————————————-

      หนึ่งในเมืองต้องห้ามพลาด จันทบุรี เมืองที่เป็น destination ของนักท่องเที่ยวหลายคนที่ต้องการไปใช้ชีวิต slow life อยู่กับธรรมชาติ ถ้านึกถึงจันทบุรี นึกถึงอะไรกันบ้าง สำหรับสายเที่ยวคงมีหลายจุด check in ในใจ แต่สำหรับสายกินอย่างเรา มีแค่คำตอบเดียวที่ลอยไปมาในหัว จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก โฮมสเตย์ ซีฟู๊ดไม่อั้น 55

        โฮมสเตย์ ซีฟู๊ดไม่อั้น ในเมืองจันท์ส่วนใหญ่มี concept เดียวกัน คือ แพ็กเก็จ 2 วัน 1 คืน เป็นราคารวมที่พัก พร้อมอาหารไม่อั้น 3 มื้อ และ highlight จะอยู่ที่มื้อเย็น “อิ่มไม่อั้นกับซีฟู๊ด” แต่ที่เราจะพาไปวันนี้เป็นโฮมสเตย์น้องใหม่เพิ่งเปิดเมื่อเดือน พ.ค. 59 แต่คิวจองช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดตอนนี้เต็มยาวไปอีกหลายเดือนแล้วมั้ง เพราะเราไปมาเมื่อสัปดาห์แรกเดือน มิ.ย. ตอนนั้นพนักงานบอกว่าคิวจองช่วงวันหยุดเต็มถึงสิ้นเดือน ส.ค. แล้ว โห ลูกค้าเยอะมากจริงๆ เพราะอะไร?

      สำหรับคนอื่นไม่รู้ แต่สำหรับเราแค่เห็นโปร “ทุเรียนไม่อั้น” ก็กดโทรจองแทบจะทันที จะต้องคิดอะไรมากบุฟเฟ่ต์ทุเรียนสดๆ จากต้น บวกกับบุฟเฟ่ต์ซีฟู๊ดสดๆ จากทะเล ในที่เดียวกัน ขอบคุณ “สายน้ำจันท์โฮมสเตย์” ที่ทำให้ฝันของพุงเราเป็นความจริง อ่อลืมบอกราคาแพ็กเก็จนี้ 1,500 บาท/คน รายละเอียดตามรูปเลยจ้า รูปนี้เอามาจาก fb ของสายน้ำจันท์

       หลังจากได้วันเข้าพัก เราก็มีเวลาเก็บตัว 3 อาทิตย์ เราใช้เวลานี้อย่างเต็มที่ มุ่งมั่นวอร์มพุง ขยายพุงให้พร้อมรับมือกับทุเรียน ผลไม้ ปู กุ้ง ที่จะพาเหรดลงท้องแบบไม่ยั้ง แล้ววันเดินทางก็มาถึง เราไปถึงสายน้ำจันทร์ตอนเกือบบ่ายโมง เข้า check in ที่เคาเตอร์ ซึ่งอยู่ตรงโต๊ะสำหรับทานอาหารพอดี check in เรียบร้อย พนักงานบอกว่าจะให้คนพาไปห้องพัก เรารีบบอก “ขอกินก่อนได้ไหมคะ” 555 ก็นะระหว่าง check in ก็มองแขกที่กำลังนั่งกินทุเรียนแล้ว ท้องมันร้องขึ้นมาทันที

มื้อแรก เริ่มต้นด้วยก๋วยเตี๋ยว น้องพนักงานนำมาเสิร์พให้คนละชาม และบอกว่าเพิ่มได้นะครับ พอเราจัดการก๋วยเตี๋ยวใกล้หมด น้องก็ยกถาดผลไม้มาวางให้ พร้อมบอกไม่พอเพิ่มได้ครับ (เหมือนเดิม 55) แบบเราไม่ต้องเรียก ไม่ต้องขอเลย ผลไม้ในถาดมีเงาะ มังคุด และนางเอกของเราทุเรียน ทุเรียนที่นี่เสิร์พแบบติดเปลือก ให้เราได้แงะพอเป็นพิธี 55 ดูแล้วน่ากินนะ น่ากินกว่าแบบวางมาในถาดโฟมและซีลพลาสติก แบบติดเปลือกมามันให้อารมณ์แบบเพิ่งแกะ สด ใหม่ ส่วนรสชาตใช้ได้ แต่หวาน-มัน น้อยไปนิดสำหรับเรา จบมื้อเที่ยงแบบอิ่มกำลังดี

       อิ่มแล้ว นอนกลางวันได้ 55 ห้องพักที่นี่ติดแอร์ และมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง ห้องขนาดเล็กสุด คือ สำหรับ 4 คน คือ ถ้ามาน้อยกว่า 4 คน ก็จะได้พักห้องนี้ แต่คิดราคาเท่าจำนวนคนที่พัก ไม่มีคิดเพิ่ม พนักงานบอกที่นี่ไม่อยากเอาเปรียบลูกค้า น่ารักมาก ของเราได้ห้องสำหรับ 4 คน ที่เราได้เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง บ้านหลังนี้มีห้องสำหรับ 4 คน 2 ห้องติดกัน แต่บันไดทางขึ้นคนละฝั่ง อยู่ด้านในติดกับสวน ซึ่งเป็นสวนของโฮมสเตย์เอง ข้างในห้องพักมีที่นอน LCD ทีวี แอร์ ผ้าขนหนู และห้องน้ำอยู่ด้านหลัง ทุกอย่างสะอาด

 

       ตามเวลาแพจะออกตอน 4 โมง แต่น้องพนักงานบอกให้มาก่อนสักหน่อย เราออกมาตอนบ่าย 3 ครึ่ง พนักงานเริ่มทยอยขนเสื้อชูชีพสภาพดีและใหม่ลงไปที่แพ ขนขวดน้ำดื่ม น้ำอัดลม โซดา และน้ำแข็งไปไว้เป็นสเบียงระหว่างล่องแพ สักพักก็ให้แขกเริ่มทยอยลงเลือกเสื้อชูชีพ และจับจองที่นั่งกัน พอแดดร่ม ลมตกก็ได้เวลาออกแพ

เราเลือกนั่งท้ายแพ พอแพออกมาได้สักพักก็ย้ายลงไปนั่งในเรือคายัค ซึ่งผูกเชือกไว้ให้แพลากไป นอกจากเรือคายัค 3 ลำแล้ว ก็ยังมีห่วงยาง 2 อัน และลูกบอลอีก 1 ลูกที่ผูกเชือกติดกับแพ สำหรับแขกที่อยากลงไปลอยคอชิลล์ๆ แพล่องผ่านโค้งน้ำหลายโค้ง ผ่านวิว 2 ข้างทางที่ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ ลมโชยเย็นๆ แล้วก็ไปจอดลอยกลางแม่น้ำให้เราได้โดดน้ำ เล่นน้ำ ตามที่สบายใจ

 

       สักพักเจ้าหน้าที่ก็เอาเรือคายัคไปผูกติดก็เรือหางยาวที่ลากแพ เรือคายัคลอยฉิว หน้าเชิดไปบนน้ำ ตามเรือหางยาวที่วิ่งฉิวด้วยความเร็ว แต่ความเศร้าก็มาเยือนเพราะเค้าไม่ได้ให้แขกเล่น 555

      หลังจากปล่อยให้เราเล่นน้ำเย็นๆ สักพักใหญ่ ก็ถึงเวลาวนเรือกลับ ขากลับนี้เราเลือกนั่งริมแพ เอาขาจุ่มน้ำ หันหน้ามองพระอาทิตย์กำลังตกดิน

       แพกลับเทียบท่า มีแขกบางคนยังคงสนุกอยู่ก็พายเรือ เล่นน้ำต่อ แต่เราขอขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดมารอมื้อเย็นก่อนดีกว่า

       เดินกลับห้องก็ผ่านโต๊ะที่เค้าจัดอาหารไว้รอเสิร์พ โว้ววววกุ้ง ปู ปลา ละลานตา รอพี่แป๊บบ เดี๋ยวเราเจอกัน

       เราเป็นแขกชุดแรกของมื้อเย็น ซึ่งดีมาก เพราะเลือกโต๊ะได้เลย เราเลยเลือกโต๊ะมุมริมน้ำบรรยากาศดี๊ดี

       น้องพนักงาน เอาเซ็ทเครื่องดื่มมาวางให้ เป็นน้ำอัดลมขวดใหญ่ทั้งน้ำแดง น้ำเขียว น้ำขาว น้ำดำ และน้ำแข็งอีกถังใหญ่ แล้วของกินก็เริ่มทยอยมาทั้งปู กุ้ง ปลา ทอดมัน ต้มส้มปูนิ่ม และ แกงหมูชะมวง เมนูห้ามพลาดเมืองจันทบุรี พร้อมข้าว 1 โถ ถามน้องพนักงาน น้องคะถ้าทานไม่หมดจะเป็นไรไหมคะ น้องตอบกลับมาว่า “ไม่หมดไม่เป็นไรครับ ขอให้ทานให้อิ่มก็พอ” ฟังแล้วยิ้มแก้มปริกับบริการของที่นี่จริงๆ

ขอบคุณที่มา : เว็บไซต์พันทิปดอทคอม,สมาชิกหมายเลข3401565