สัมผัสหมอก หยอกดอกกระเจียว ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม แบบไม่มีรถส่วนตัว
ช่วงหน้าฝนแบบนี้ สถานที่ท่องเที่ยวที่คนกำลังให้ความสนใจมากคงหนีไม่พ้นทุ่งดอกกระเจียว ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ อดใจไม่ได้จริงๆ ยังไงต้องไปให้ได้
ทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 3 คน เป็นชายทั้ง 3 คน ก่อนคิดจะไปทริปนี้เรายังคิดๆ อยู่ว่ามีแต่ผู้ชาย จะเหมาะกับดอกไม้สวยๆ ไหมเนี่ย ถ้ามีสาวๆ สวยๆ ไปด้วยสักคนก็ยังพอไหว ทริปนี้ต้องบอกก่อนว่าเราเลือกเดินทางด้วยรถทัวร์
ก่อนออกเดินทาง 1อาทิตย์ เราพยายามหาที่พักในอินเทอร์เน็ต แล้วโทรไปจองพบว่าส่วนใหญ่จะเต็ม ส่วนที่ไม่เต็มก็อยู่ไกลออกไปจากทางขึ้นอุทยาน จริงๆก็ไม่ได้ไกลมากก็ประมาณ 800 เมตรได้ ซึ่งไม่สะดวกสำหรับเรา เพราะเราต้องการหาที่พักที่ใกล้ทางขึ้นอุทยานให้มากที่สุด และเราก็ไปเจอที่พักชื่อว่า เรือนเทพ อยู่ใกล้กับทางขึ้นอุทยานประมาณ 200 เมตร ที่เรือนเทพมีที่พักทั้งแบบห้องแอร์ ห้องพักลม บ้านพัก แต่ตอนที่เราโทรไปจองเหลือเพียงห้องพักลมห้องเดียวในราคา 800 บาท เราตัดสินใจจองทันที แบบไม่ต้องคิดมาก
เริ่มต้นการเดินทางที่หมอชิต ซื้อตั๋วที่ช่อง บริษัทเทียนชัยทัวร์ ย้ำว่าช่อง 72 แจ้งพนักงานว่าลง สามแยกบ้านไร หรือบอกพนักงานว่าจะไปทุ่งดอกกระเจียว พนักงานขายตั๋วเขารู้ ราคา 205 บาท แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จะไม่มีรถประจำทางวิ่งเข้าไปภายในอุทยาน เราต้องนั่งรถทัวร์มาลงที่สามแยกบ้านไร แล้วต่อ วินมอร์เตอร์ไซต์เข้าไป หรือเหมารถเข้าไป
รถจะเป็นสาย กรุงเทพ-เทพสถิต-ชัยภูมิ จะมีรอบ 9โมงเช้า เวลาเที่ยงตรง แล้วก็ 5ทุ่มครึ่ง สอบถามเวลาเดินรถได้ที่ เทียนไชยแอร์ สถานีขนส่งหมอชิต2 (กรุงเทพ) ชั้น3 ช่อง 72 โทร. 081-2669930
เราเลือกเดินทางรอบ 9 โมงเช้า มาถึงสามแยกบ้านไร ประมาณบ่าย 2 โมง ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง ลงจากรถทัวร์จะเจอซุ่มประตูตอนรับ บรรยากาศตรงทางเข้าศึกคัก มีร้านขายของมากมาย มีรถวิ่งเข้าออกตลอดเวลา
ที่หน้าทางเข้าจะมีซุ่มดอกไม้ที่จัดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป และจะมีศาลารอวินมอเตอร์ไซต์ที่จะเข้าไปอุทยาน ระยะทางจากสามแยกบ้านไรไปอุทยานประมาณ 13 กิโลเมตร วันที่เราไปถึงไม่มีวินมอร์เตอร์ไซต์ นั่งรอสักพักก็มีคนมาถามว่าจะเข้าไปอุทยานไหม คนละ 150 บาท จะมีคนขับรถเก๋งไปส่งภายใน เราตอบตกลงทันที เพราะระยะทางมันไกล และค่าวินมอเตอร์ไซต์ก็ 130 บาท แล้ว ต่างกันนิดหน่อยนั่งสบายกว่าเยอะ คนที่พาเข้าไปก็เป็นชาวบ้านแถวอุทยานนั้นเอง
ถึงแล้วที่พักของเราแล้วนี้ไง เรือนเทพ ที่พักของเรา
เช็คอินเข้าที่พักกันเลย จะบอกว่าชอบที่พักที่นี้มาก ถึงจะไม่ได้เป็นที่พักธรรมดา ไม่หรูหราอะไรมาก ก็ประมาณหอพักตอนเรียนมหาวิทยาลัย บรรยากาศดีมาก ภายในที่พักเป็นพื้นที่กว้างๆ เป็นเหมือนบ้านสวน และที่สำคัญคุณลุง คุณป้าเจ้าของ เป็นกันเองมากๆ ประทับใจมาก
นี้ครับที่พักของเรา ห้อง ส2 ห้องพัดลม เราอยากได้บ้านพัก ติดแอร์แต่มันเต็มก็เลยได้เป็นแบบห้อง แต่รู้สึกว่าจริงๆ ไม่จำเป็นต้องมีแอร์ก็ได้ เพราะบรรยากาศวันที่เรามาถึงบ่าย 2 โมง เย็นสบายมากๆ อยากจะอยู่ที่นี้จนลืมกรุงเทพไปเลย
หน้าห้องมีโต๊ะหินอ่อนไว้นั่งเล่น นั่งกินข้าว ภายในห้องกว้าง ห้องน้ำสะอาด
นอนพักเอาแรงสักพัก เย็นๆ ก็พร้อมออกเดินทางไปยังอุทยาน เพื่อขึ้นไปชมทุ่งดอกกระเจียวยามเย็น ระหว่างทางไปอุทยานมี ร้านขายดอกกระเจียว ร้านคาเฟกาแฟ ที่พัก ที่กินหลายที่ สายกินไม่ต้องกลัวอด
ถึงแล้วปากทางเข้าอุทยาน ที่พักอยู่ใกล้ก็ดีแบบนี้นี้เอง ดูจากรูปเห็นเหมือนแดดร้อนแต่จริงๆ ไม่ร้อนเลย มีลมเย็นๆ พัดตลอดเวลา
อดใจที่จะถ่ายรูปกับป้ายหน้าทางเข้าไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
จากปากทางเดินขึ้นไปก็จะเจอกับป้ายอุทยานอีกป้าย จะมีดอกกระเจียวปลูกไว้ สำหรับถ่ายรูปคู่กับป้ายสวยๆ
มีแผนที่บอกทางไปสถานที่ต่างๆ
มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่จองที่พักอุทยาน น่าจะต้องติดต่อตรงนี้
ซุ้มถ่ายภาพสวยๆ
หลักกิโลเมตรอันใหญ่ บอกระยะทางของแต่ละที่ ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามไม่ได้มีแค่ทุ่งดอกกระเจียว มีจุดชมวิวผาสุดแผนดิน มีลานหินงาม มาทริปได้นี้ถือว่าคุ้ม
มีร้านขายของกิน ของฝาก ร้านขายเสื้อผ้า ผ้าซิ่นสวยๆ มากมายสองข้างทางเดิน ใครที่นำรถส่วนตัวมา ต้องนำรถไปจอดตามลานจอดรถของอุทยานที่เตรียมจัดไว้ให้ ถ้าที่จอดรถเต็ม สามารถลงไปจอดที่ด้านล่างอุทยานได้ จะมีที่ลานจอดรถอยู่ เนื่องจากช่วงเทศกาลจะไม่สามารถนำรถขึ้นด้านบนได้ ทางอุทยานจะมีรถรางให้บริการพาขึ้นไปด้านบน
เดินตรงไปที่เต้นท์สีน้ำเงิน เพื่อซื้อตั๋วเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่คนล่ะ 40 บาท เด็ก 20 บาท นักท่องเที่ยวต่างประเทศ ผู้ใหญ่คนละ 200 บาท เด็ก 100 บาท
จากนั้นเดินตรงไป จะมีจุดขายตั๋วรถราง ราคาผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท แนะนำซื้อ อย่าคิดว่าระยะทางไม่ไกล เพราะพอเอาเข้าจริงเดินขึ้นเขาทางชันๆ แค่300-400 เมตรนี้ก็เหนื่อยสุดๆ
รถรางจะพาเรามาจุดบนสุดของอุทยานคือผาสุดแผ่นดิน อ้าวไหนบอกมาดูทุ่งกระเจียวทำไมมาตรงนี้ ไม่ต้องตกใน จากสุดแผ่นดินห่างจากทุ่งดอกระเจียวไม่ไกล
มาถ่ายรูปที่ผาสุดแผ่นดินกันก่อน วิวสวยมากๆ ใครมาแล้วไม่ได้ถ่ายรูปที่ผาสุดแผ่นดินถือว่าพลาดมากกก
จุดนี้ถือว่าเป็นมุมมหาชนเลย เพราะคนต่อคิวถ่ายภาพกันหลายคน อยู่ด้านบนลมแรงมาก การถ่ายภาพตรงจุดนี้ต้องระมัดระวัง ไม่เหมาะกับคนที่กลัวความสูง
ถ่ายรูปวิวกันจบแล้ว ก็ไปทุ่งดอกกระเจียวกันต่อเลย อยู่ห่างจากผาสุดแผ่นดิน 350 เมตร เดินตามทางเดินไปนิดเดียวก็ถึง อารมณ์เหมือนมาเดินป่า หรือใครจะเดินลงไปตามถนนก็ได้ถึงเช่นกัน แต่แนะนำให้เดินตามทางเดินจะไม่เหนื่อย
ถึงทุ่งดอกกระเจียวจะมีสะพานไม้สำหรับเดินเข้าไปกลางทุ่ง ห้ามลงทุ่งน่ะ จะถ่ายรูปก็ถ่ายอยู่ริมสะพานไม้ หรือถ่ายตามจุดที่ทางอุทยานจัดไว้ให้
นี่แหละมุมถ่ายรูปที่
รูปแรกที่ถ่ายคู่กับดอกกระเจียวเป็นทาที่เหมาะกับความสวยงานของดอกกระเจียมมากก
พยายามทำหน้าให้เหมาะกับความงามแต่ได้เท่านี้แหละ อิอิ
หน้าทุ่งดอกกระเจียวจะมีจุดรอขึ้นรถรางเพื่อไปลงไปด้านลงอุทยานหรือไปลานหินงาม ตอนนี้ก็จะ 6 โมงเย็นแล้ว เรามีตัวเลือกอยู่ 2 ทางคือ
1.รอรถเพื่อลงไปลานหินงาน ไปถ่ายรูปที่ลานหินงาน จากนั้นก็ลงไปด้านล่างอุทยาน
2.เดินขึ้นไปยังผาสุดแผ่นดินแล้วไปถ่ายรูปกระอาทิตย์ตก แล้วพรุ้งนี้เช้าค่อยกลับมาถ่ายรูปที่ลานหินงาม และทุ่งดอกกระเจียวยามเช้า ดอกกระเจียวยามเช้านี้พลาดไม่ได้เพราะช่วงเช้าถ้าโชคดีจะเจอหมอกลง จะถ่ายภาพดอกกระเจียวได้สวยมากก
เราเลือกตัวเลือกที่สองไปชมพระอาทิตย์ตกกัน เดินขึ้นไป 300 เมตรถึงผาสุดแผ่นดินหอบแทบรับประทานเลยทีเดียว ก็เดินขึ้นเขานิ ไม่ใช่เดินทางราบ
รอพระอาทิตย์ตก นั่งเล่นโทรศัพท์รอ ด้านบนมี 4G ด้วยแฮะ
รออย่างใจจดจ่อ
สุดท้ายวันนี้เมฆเยอะทำให้ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตก เห็นแต่ลำแสงแดงๆ ส้มๆ อยู่ไกลๆ ถึงจะไม่เห็นพระอาทิตย์ตกก็ไม่เป็นไร เพราะนี้คือเสน่ห์ของธรรมชาติ
วันที่สอง
วันนี้เราตื่นนอนกันตั้งแต่ตี 4 กว่าๆ เพราะจะขึ้นไปที่อุทยานอีกครั้งเพื่อชมหมอกที่ทุ่งดอกกระเจียว ชาวบ้านที่บอกว่าบางวันหมองลงสวยมากๆ
วันนี้เป็นวันอาทิตย์นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมาตั้งแต่เช้ามืด รถรางรอบแรกจะขึ้นไปยังอุทยานเวลา 6 โมงเช้า
เราเป็นกลุ่มแรกที่ขึ้นไปอุทยาน
น่าเสียดายวันนี้ไม่ค่อยมีหมอก หมอกน้อยมาก นี้เป็นหมอกแถวๆ ผาสุดแผ่นดิน หมอกบางๆ อากาศเช้าๆ บนอุทยานเย็นนิดๆ ที่ผาสุดแผ่นดินนักท่องเที่ยวก็เริ่มทยอยขึ้นมา หลายคนหวังจะขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่วันนี้ฟ้าปิด มีเมฆเยอะไปหน่อย เลยไม่ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน
นั่งรอหมอกอย่างมีความหวัง เวลาผ่านไป 10 นาที 20 นาที หมอกก็ไม่มา
เมื่อไม่ได้เจอหมอกก็เปลี่ยนโปรแกรมไปลานหินงามทันที ก่อนแวะไปลานหินงามกะว่าจะแวะไปถ่ายรูปที่ผาสุดแผ่นดินอีกสักภาพ ปรากฏว่าคนเยอะมากๆ เมื่อวานไม่เยอะขนาดนี้เลย อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ก็ได้
มุมถ่ายภาพที่หลายๆคนรอ เช้านี้คงอดเพราะคิวยาวมาก
ในเมื่อคนเยอะ รอไม่ไหวเราก็หาเจอวิวดีๆ จนได้ เดินมาทางซ้ายของผาสุดแผ่นดินจะมีเดินลงไป มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เหมือนกัน
เมื่อถ่ายรูปเสร็จเราก็เดินมารอรถรางที่จุดขึ้นรถ พร้อมแล้วที่จะเดินทางไปลานหินงาม
ถึงลานหินงามแล้วก็ลุยเลย ช่วงเช้าที่นี่คนยังน้อยอยู่
นี้ชื่อว่าหินถ้ำมอง ถ้ำมองยังไงก็เพราะมีรูเล็กๆ ลองเอาตาไปส่องดู อารมณ์เหมือนส่องสาวๆ ตอนอาบน้ำ เอ้ย!..ไม่ใช่ หื่นไปละ
หินที่เห็นนี้เหมือนถ้วยฟีฟ่า กอดแบบถ้วยฟีฟ่ามาเลย
หินนี้ชื่อว่าหินปราสาท ส่วนใหญ่จะปีนขึ้นไปถ่ายรูปกัน อยู่บนหินปราสาทจะเห็นวิวสวยดี
หินนี้ชื่อแปลกๆ ยังไงๆ ชื่อว่ามอหำตั้ง คนให้ความสนใจเยอะมาก สาวๆ อยู่บริเวณนั้นเพียบๆ
ส่วนนี้ชื่อว่าหินแม่ไก่ยักษ์ เหมือนแม่ไก่ไหม
เดินทางไปยังหินรูปต่างๆ อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ทางเดินขึ้นไปยังหินรูปต่างๆ ต้องระวังลื่นสักหน่อย ทางที่ดีแนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบมาเพราะภูมิประเทศเป็นภูเขาหิน เวลาเดินจะเจ็บเท้า
เดินชมหินรูปต่างๆ ไปสักพัก ก็เจอสายหมอกที่กำลังพัดมา หมอกเริ่มปกคลุมพื้นที่ลานหิน ในที่สุดเราก็เจอหมอกจนได้ อากาศสดชื่นมาก พอเห็นหมอกเราก็นึกถึงทุ่งดอกกระเจียวเลย แต่มันก็สายไปแล้ว เพราะกว่าจะขึ้นไปทุ่งดอกกระเจียวหมอกคงหมดแล้ว เสียดายเหมือนกันเพราะเราลงมาได้ประมาณ 30 นาที หมอกก็มา แอบเสียใจนิดๆ
ถ่ายรูป สูดไอหมอกกันพอใจ เวลา 9.30 น. เราก็เดินทางลงมาด้านล่างอุทยานพร้อมรถราง เห็นคนรอเข้าคิวขึ้นไปบนอุทยานเยอะมาก แถวยาวพอสมควร ใครที่จะเดินทางมา แล้วอยากได้บรรยากาศดีๆ แนะนำให้มาเช้าๆ คนจะน้อย
เรารีบกลับที่พักเพื่อหาเบอร์โทรจองตั๋วรถทัวร์ โทรไปหาบริษัทเทียนไชยแอร์ ทางบริษัทให้เบอร์ติดต่อจุดขึ้นรถที่อำเภอเทพสถิตมา เบอร์ 044857064 เราก็โทรไปจองทันที สอบถามเที่ยวรถทัวร์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเที่ยวรถมีรอบบ่ายโมง สี่โมงเย็น แล้วก็สี่ทุ่มรอบสุดท้าย
เราจองรถรอบบ่ายโมง เจ้าหน้าที่ให้ออกมารอรถทัวร์ที่แยกบ้านไร่ ตรงข้ามกับจุดที่ลงรถทัวร์ตอนขามา จุดขึ้นรถจะเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว ให้มารอขึ้นรถก่อนบ่ายโมงครึ่ง ขึ้นรถจากบ้านไร่แล้วมาจ่ายเงินค่าตั๋วที่อำเภอเทพสถิต ให้แจ้งกับพนักงานตรวจตั๋วว่าจองกับจุดขึ้นรถอำเภอเทพสถิตไว้
การเดินทางจากจังหวัดชัยภูมิถึงกรุงเทพใช้เวลา 5 ชั่วโมงโดยประมาณ เดินทางถึงกรุงเทพฯ พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน สำหรับทริปนี้ถือว่าเป็นทริปที่สนุก และคุ้มค่า สำหรับทริปนี้ต้องจบลง แล้วเจอกันทริปหน้า……
สรุป:
การเดินทางขาไป
เดินทางด้วยรถทัวร์เทียนไชยแอร์ สาย กรุงเทพ-เทพสถิต-ชัยภูมิ ซื้อตั๋วได้ที่ สถานีขนส่งหมอชิต2 (กรุงเทพ) ชั้น3 ช่อง 72 โทร. 081-2669930
รอบรถมีสามรอบ 9.00น ,12.00น.,23.30น.
ราคาค่าโดยสาร 205 บาท
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
ลงรถทัวร์ที่สามแยกบ้านไร่ นั่งวินหรือเหมารถเข้าไปอุทยาน คนล่ะ 130-150 บาท
การเดินทางกลับ
เหมารถออกมาที่สามแยกบ้านไร่ ราคาลองก็แล้วแต่การต่อรอง
เดินทางด้วยรถทัวร์เทียนไชยแอร์ สาย กรุงเทพ-เทพสถิต-ชัยภูมิ ซื้อตั๋วได้ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวตรงสามแยกบ้านไร่ ตรงข้ามกับจุดลงรถขามา โทร 0844271562 ป้าประหยัด หรือ จองตั๋วกับจุดขึ้นรถอำเภอเทพสถิต โทร 044857064
ราคาค่าโดยสาร 216 บาท (ราคาจุดขึ้นรถแต่ละจุดจะไม่เหมือนกัน)
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
ค่าเข้าอุทยาน คนล่ะ 40 บาท
ค่ารถราง คนล่ะ 30 บาท
ค่าที่พักห้องพัดลม 800 บาท