ตลาดน้ำอัมพวา เสน่ห์แห่งชุมชนริมน้ำ ทีี่ไปสัมผัสแล้วต้องหลงรัก
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เปลี่ยนจากทริปเที่ยวเกาะเที่ยวทะเล มาเป็นเที่ยวตลาดน้ำกันบ้าง ทริปนี้จะพาไปเที่ยว “ตลาดน้ำอัมพวา” จ. สมุทรสงคราม ชุมชนริมน้ำที่มีเสน่ห์ ที่นักท่องเที่ยวหลังไหลมาเที่ยวที่นี้เป็นจำนวนมาก
ทริปนี้เราเริ่มต้นจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี) หรือที่เรียกคุ้นๆ หูว่าขนส่งสายใต้ใหม่ จริงๆ แล้วการเดินทางครั้งนี้เราคิดไว้ว่าจะเดินทางด้วยรถทัวร์ แต่พอไปถึงจุดขายตั๋วช่องที่ 85 กลุ่มดำเนินทัวร์ ปรากฏว่าเป็นช่องว่างๆ ในมีเจ้าหน้าที่ขายตั๋วซะอย่างนั้น ตกใจเล็กน้อย
เราจึงลองถามที่เคาน์เตอร์ขนส่งทราบก็ได้คำตอบว่าให้ไปซื้อตั๋วทีชั้นล่างที่มีรถทั่วจอด ให้หาสายที่เขียนว่ากรุงเทพ-ดำเนินสะดวก พอลงไปถึงก็เห็นแต่คิวรถตู้ ลองถามพี่ รปภ. บอกว่ารถทัวร์มีแต่นานๆ จะมาสักที เราเลยตัดสิ้นใจเดินทางด้วยรถตู้
ซื้อตัวบริเวณช่องชานชาลาที่ 10 รถตู้สาย 996 กรุงเทพฯ-กำเนินสะดวก ของกลุ่มบริษัทดำเนินสะดวกทัวร์ จริงๆ คิดอยู่ในใจว่ารถทัวร์สายนี้เขาเปลี่ยนมาเป็นรถตู้หรือเปล่าเพราะว่าชื่อสายรถทัวร์มันชื่อเดียวกัน
ในใจก็กลัวไม่อยากขึ้นรถตู้ เพราะเห็นข่าวคราวเยอะก็กังวลไปต่างๆ นาๆ แต่พอได้ขึ้นไปปุ๊บ พี่โชเฟอร์ก็แจ้งให้ผู้โดยสานบนรถรัดเข็มขัดตลอดการเดินทาง แล้วรถตู้สายนี้วิ่งด้วยความเร็วได้ไม่เกิน 100 เพราะระหว่างทางสังเกตุว่าถ้าความเร็วใกล้ถึง 100 จะมีเสียงเตือนอัตราความเร็วเกินดังขึ้นแจ้งทุกครั้ง ทำให้อุ่นไปเยอะ สงสัยเป็นเพราะมาตรการควบคุมรถตู้โดยสายที่ออกมาใหม่แน่ๆ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงตลาดน้ำอัมพวา ลงแถวๆ ทางเขาตลาดเลย เพราะวินอยู่ติดกับตลาดน้ำจากวินรถตู้เดินข้ามสะพานก็เป็นทางเข้าตลาด
ลืมบอกไปว่าทริปนี้เราจองที่พักล่วงหน้าไว้แล้ว และเรามาถึงก่อนเวลาเช็คอินเลยได้โอกาสเดินเที่ยว เลือกที่ใกล้ที่สุดแบบเดินไปได้ก็ที่ อุทยาน ร.2 จากวินรถตู้ข้ามสะพานและเดินตรงไปอีกไม่ถึง 200 เมตร ก็ถึงอุทยาน ร.2
เสียค่าเข้าชมภายในท่านละ 30 บาทเท่า ซื่อบัตรเข้าที่ห้องจำหน่ายบัตรบริเวณด้านหน้าทางเข้าเลย
ผ่านทางเข้ามา จะมีจุดให้เช้าจักรยาน ใครอยากปั่นจักรยานชิวๆ ก็ตามสะดวก เพราะดูๆ แล้วที่นี้มีพื้นที่กว่าอยู่เหมือนกัน ใครที่เดินไม่ไหวก็เช่าจักรยานเถอะ หน้าทางเข้าจะเจอกับบ้านเรือนไทย ชวนให้ถ่ายรูป ที่นี้คือ พิพิธภัณฑ์ขนมไทยไทย
ขึ้นไปดูบนบ้านสักหน่อย เจอขนมไทยเรียงรายอยู่บนบ้านเต็มไปหมด
ด้านล่างพิพิธภัณฑ์ขนมไทยไทย มีจุดจำหน่ายของฝาก
จากบ้านขนมไทย เดินเข้าไปอีกหน่อย จะพบกับบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ เป็นพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขึ้นไปชมบนเรือน จริงๆ ทางขึ้นเหมือนเห็นว่าห้ามถ่ายภาพบนพิพิธภัณฑ์ แต่ไม่แน่ในว่าห้ามถ่ายภาพภายในห้องหรือป่าว เพราะภาพในห้องจะมีจัดแสดงหุ่นขี้ผึ่งไว้ แต่เราเลยถ่ายภาพไว้แค่โถงด้านนอกเท่านั้น
ด้วยอากาศที่ร้อนของวันนี้ทำให้ผู้ร่วมเดินทางของเราเริ่มไม่ไหว เพราะสัมภาระติดตัวเยอะเลยไม่สะดวกเท่าไร เลย แต่ใจอยากอยู่ถ่ายรูปที่นี้ต่อ เพราะยังเดินไม่ทั่ว แต่ก็ต้องพาไปที่พักเพื่อเช็คอิน เก็บข้าวเก็บของกันเสียก่อน
ก่อนกลับเก็บภาพสักนิดหนึ่ง
ถึงอากาศจะร้อน แต่ด้านล้างของเรือนไทยเย็นเหมือนกัน สังเกตจากน้องหมา นอนชิวเลย
อากาศร้อนน้ำตาลสดช่วยได้จริงๆ
ที่พักของเราจะอยู่ติดริมน้ำ และต้องเดินผ่านตลาด ระหว่างทางมีของขายเยอะแยะมากมาย เลยอดใจไม่ไหวที่จะซื้อติดไม้ติดมือ
เดินตลาดผ่านของกินมาหลายร้านก็รู้สึกหิวๆ เลยแวะพักกินก๊วยเตี๋ยวกันหน่อย
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อเลย จากร้านก๊วยเตี๋ยวไปนิดเดียว ก็ไปสะดุดตากับบ้านไม้ไทย ชื่อว่าริมระเบียงอัมพวา มองเข้าไปด้านด้านในเป็นร้านคาเฟ่ ดูแลน่ารักน่าเข้าไปชิม พึ่งกินไปยังไม่ถึง 5 นาทีแวะอีกแล้ว
ด้วยอากาศร้อนของวันนี้อดไม่ได้ที่จะกินของเย็นๆ คลายร้อน
ลืมบอกไปว่า ริมระเบียงอัมพวา เป็นโฮมสเตย์ ชั้นบนของบ้านเป็นที่พัก มี3 ห้อง บอกเลยว่าสวยมาก เพราะแอบเข้าไปดูในเว็บไซต์มา ครั้งหน้าถ้าได้กลับไปที่อัพวาอีกครั้งที่นี้จะเป็นตัวเลือกแรกของเรา
กินกันหอมปากห้อมคอก็ไปหาที่พักพี่จองไว้กันต่อเลย ระหว่างทางเจอของก่อนอีกมากมาย ของขายอีกเพียบ ต้องบังคับใจตัวเองไว้ก่อน
ถึงที่พักแล้ว ฐนิชารีสอร์ท เช็คอินเลย…. ถึงห้องพัก ขอสำรวจห้องและนอนพักสักพัก เพราะบ่ายสามเรามีโปรแกรมนั่งเรือไหว้พระต่อ
ฐนิชารีสอร์ทที่พักอีกที่ชื่นชอบและประทับใจ ทั้งพนักงานที่น่ารักและบรรยากาศที่พักดีๆ ห้องพักน่ารักๆ มีสไตล์ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย
ถึงเวลาบ่ายสามเราก็ไปซื้อตั๋วเรือ ที่ซื้อตั๋วเรือไหว เพราะที่ตลาดมีหลายเจ้าที่ให้บริการ แต่ของเราซื้อของท่าเรือคุณย่า
ค่าบริการคนล่ะ 50 บาท หรือใครมีงบอยากเหมาลำก็ได้ ซื้อตั๋วแล้วลงเรือเลย ทริปนี้เป็นทริปไหว้พระ 5 วัดที่ริมน้ำแม่กลอง
จบทริปนั่งเรือเที่ยวได้บุญก็ไป กลับถึงตลาดน้ำอัพวาก็เย็นพอดี ช่วงเย็นที่นี้คนเยอะมาก บรรยากาศคึกคัก
นั่งเรือเที่ยวเหนื่อยๆ ก็ต้องกินกันก่อน และก็มาจบที่ร้านเตี๋ยวตกกะลา ร้านดังบรรยากาศดี มีโซนด้านนอกให้นั่งกินริมน้ำแบบชิวๆ แต่ดูแล้วหลายคนที่นั่งริมน้ำเหมือนจะฟินไปกับบรรยากาศที่นี้เลยไม่ว่างเลย เราเลยเข้าไปนั่งกินภายในร้านแทน
อิ่มแล้วกลับพี่พักเพราะเวลา 2 ทุ่มเราจองตั๋วเรือชมหิ่งห้อยกับที่พักไว้ นี้ตั้งแต่มาถึงอัพวายังไม่ได้พักยาวๆ กันเลย เดินสายตลอด
ถึงเวลานั่งเรือชมหิ่งห้อย
จุดที่ไปดูภาพหิ่งห้อยมืดมาก และเราไม่สามารถเข้าไปใกล้หิ้งห้อยได้มานัก เพราะอาจเป็นการรบกวนน้องหิ่งห้อยได้ แต่จะบอกว่าที่นี้มีหิ่งห้อยเยอะมาก แสงนี้ระยิบระยับเต็มเต็มต้นไม้ไปหมด แต่เราไม่สามารถเก็บภาพมาได้จริงๆ เพราะมันมืดมากๆ
ได้มาแต่ภาพนี้แต่ไม่ใช้หิ่งห้อยน่ะ เป็นแสงไฟจากจากเรือ และบ้านบริเวณนั้น อิอิ
นั่งเรือกลับจากชมหิ่งห้อย บรรยากาศช่วงดึกๆ ดูคึกคัก
ก่อนเข้าที่พักต้องจัดอาการทะเลยกันสักหน่อย กินกันริมน้ำ บรรยากาศชิวๆ
นี้แหละอาหารทะเลสดๆ ที่พึ่งขึ้นจากเรือ สั่งขึ้นมากินชิวๆ บนฝั่ง
อิ่มแล้วก็ได้เวลาพักผ่อน เพราะเราจองชุดตักบาตรกับทางรีสอร์ทไว้ 6 โมงเช้า ต้องตื่นมารับบุญแต่เช้าเลย
สวัสดียามเช้า ที่ตลาดน้ำอัพวาช่วงเช้านี้บรรยากาศดีมาก จนต้องหลงรัก
พระบิณฑบาต มาทั้งทางเรือ และเดินมา วิถีชีวิตแบบนี้ในเมืองแทบจะหาไม่ได้แล้ว
บรรยากาศช่วงเช้าที่ตลาดน้ำจะดูเงียบๆ ร้านค้าส่วนใหญ่จะยังปิดอยู่ แต่บรรยากาศแบบนี้แหละเหมาะแก่การถ่ายรูปยิ่งนัก จะวินเทจๆ ฮิปสเตอร์ๆ ก็เต็มที่ได้เลย
ถึงเวลากลับกรุงเทพแล้ว ตอนกลับเดินทางกลับกรุงเทพด้วยรถตู้สายเดิมที่นั่งมา ส่วนจุดขึ้นรถตู้อยู่ที่จุดเดียวกับที่เราลงรถตู้นั้นแหละ
อยากหยุดเวลาไว้ที่ตลาดน้ำอัพวาจริงๆ แต่สำหรับทริปนี้ขอจบไว้เท่านี้ก่อน ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าน๊า
