เริ่มต้นที่แม่สอด มาต่อเมืองชากังราว ทำบุญ เที่ยว กิน ฟินอยู่ในทริปเดียว

       ห่างหายจากค่ายอาสามานาน (ตั้งแต่เรียนจบ) พอพี่สาวบอกว่ามีเพื่อนที่ทางานบอกต่อกิจกรรมดีๆ จะไปบริจาคสิ่งของ และปรับปรุงบริเวณโดยรอบโรงเรียนบนดอยที่ จ.ตาก สอบถามวันเดินทางกันเรียบร้อยแล้วก็ตัดสินใจทันทีว่าไปแน่ๆ งานนี้พลาดได้ไง
       มาเริ่มกันเลยดีกว่า ทีมงานแจ้งจุดนัดพบที่ถ.สายเอเชีย ก่อนเข้าสู่จ.อยุธยา เวลา 04.30 น. ของวันแรกที่เดินทาง สมาชิกคันเรามีผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 2 คน พวกเรานัดรวมตัวกันตอน 03.00 น. เดินทางด้วยรถกระบะ Nissan NAVARA 4X4 เมื่อรวมตัวกันครบแล้วก็ออกเดินทางสู่เส้นทางสายเหนือมุ่งหน้าสู่อ.แม่สอด พวกเราแวะซื้อของสด และอุปกรณ์ทาครัวเพิ่มเติมสาหรับประกอบอาหารที่ตลาดวังเจ้า อ.วังเจ้า จากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อ
แม่สอด
       เส้นทางไปอ.แม่สอด ทางที่วิ่งผ่านจะอยู่ระหว่างการขยายถนน ใครผ่านมาทางนี้ต้องระมัดระวังในการขับด้วยน๊า
 แม่สอด
 แม่สอด
       และแล้วก็มาถึงทางเข้าโรงเรียนจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ตรงทางเข้าหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ 3 (ห้วยยะอุ) น้าตกพาเจริญ ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางกว่าจะเข้ามาถึงโรงเรียนร่วม 2 ชั่วโมง เนื่องจากทางเป็นลูกรัง และคดเคี้ยว แต่พวกเราก็ไม่ได้รู้สึกว่านานเลย เพราะระหว่างทางก็ชี้ชวนดูวิวทิวทัศน์ระหว่างสองข้างทางกันอย่างสนุกสนาน ถือคือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ศึกษาความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพของชาวบ้านที่นี่ด้วย
 แม่สอด
       พอมาถึงที่โรงเรียนก็ช่วยกันขนของบริจาคลงที่ส่วนกลางของโรงเรียน กางเต็นท์เตรียมที่พักนอนระหว่างอยู่ที่นี่ ถึงได้รู้ชื่อโครงการจากป้ายกระดาษที่ติดท้ายรถว่าคือ โครงการ Triton 4X4 Back To School วันที่ 3-5 ธันวาคม 2559โรงเรียนบ้านธงชัย ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จ.ตาก (แอบขาตัวเอง ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการเอาซะเลย ขอให้ได้มาก่อน 555)
 
       เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ร่วมโครงการได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านธงชัยล่าง (เพิ่งรู้อีกเช่นเคยว่าโรงเรียนธงชัยแยกออกเป็น 2 โรง คือโรงเรียนธงชัยบน และโรงเรียนธงชัยล่าง) ระยะทางจากที่พัก (ณ โรงเรียนธงชัยบน) ประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อส่งต่อของจากผู้ใหญ่ใจดีที่มอบให้น้องๆ ที่นั่น และยังได้พูดคุย เล่นกีฬากับเด็กๆ อีกด้วย
          หลังจากนั้นเรากลับมาที่พัก กินอาหารกลางวันทาภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ผู้ประสานงานโครงการก็แจ้งว่าจะเดินทางไปบวชต้นไม้กัน พวกเราดีใจมากเพราะการบวชป่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เคยทำ
 
       การบวชต้นไม้ ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่นับเป็นการนาความเชื่อทางศาสนามาประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาป่าต้นน้าลาธารให้อุดมสมบูรณ์ ทั้งยังสร้างความสานึกให้แก่ชุมชนในการดูแลรักษาสภาพธรรมชาติ
       ครั้งนี้เราบวชต้นสักมีตั้งแต่ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ขึ้นอยู่กับสภาพความแข็งแรงของร่างกายแต่ละคนที่ต้องเดินขึ้นเขาไป เพื่อหาต้นไม้ที่ต้องการจะบวช แต่ผู้ใหญ่ที่เดินทางไปด้วยจะแนะนาให้บวชที่ต้นที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากมีความสาคัญต่อการดารงชีพของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
       การบวชต้นไม้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ส่งต่อไปสู่คนรุ่นหลัง เพื่อให้ต้นไม้เป็นป่าที่สมบรูณ์ในอนาคตต่อไป ดังพระราชดารัส  “การปลูกป่าสาคัญที่ปล่อยให้เขาขึ้นเองได้ อย่าไปตอแยกับต้นไม้ อย่าไปรังแกต้นไม้ เพียงแต่คุ้มครองเขาหน่อย ขออย่าไปรังแกเท่านั้นเอง ไม่ต้องทาอะไรมาก” (พระราชดารัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูป่าธรรมชาติ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๗) (หนังสือรวมพระราชดารัส )
        กลับมาจากบวชต้นไม้ ก็ได้เวลาที่เด็กๆ ตั้งหน้าตั้งตาคอย คือการเล่นน้าที่ลาธารใกล้ๆ ที่พัก จากนั้นก็มาช่วยทาอาหารเย็นกัน นั่งคุยกันจนมืด ดูดาว (แอบบอกว่าสวยมาก) แล้วก็เข้านอน
       เช้าวันต่อมา พวกเราตื่นแต่เช้าทากับข้าว และกินอาหารรองท้องกันนิดหน่อย จากนั้นเก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับ พอออกเดินทางจากโรงเรียนมาถึงถนนหลักเส้น อ.แม่สอด วิ่งมาได้ระยะหนึ่งจะผ่านตลาดชาวเขาดอยมูเซอ ก็แวะดูบรรยากาศการซื้อขายผัก และผลไม้ต่างๆ กันสักนิด สินค้าที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นผัก และผลไม้เมืองหนาว เช่น ผักยอดมะระ กะหล่าปลี พริกกะเหรี่ยง หัวไชเท้า บัวหิมะ ลูกพลับ สตรอเบอรี่ ลูกไหน แอปเปิ้ล พุทรานมสด เสาวรสเป็นต้น และนอกเหนือจากนั้นยังมี น้าผึ้งป่า สมุนไพรต่างๆ เนื้อหมูป่า ซึ่งพวกเราก็ได้ของกินระหว่างเดินทางอยู่บนรถ รวมไปถึงของฝากติดมือกลับบ้านด้วย
       จากนั้นออกเดินทางไปยังบ่อน้าพุร้อนพระร่วง จ.กาแพงเพชร เพื่อให้อนุภาพของสายน้าช่วยผ่อนคลายกันสักหน่อย
 
       น้าพุร้อนผุดขึ้นจากใต้ดินจานวน 5 จุด ความร้อนอยู่ประมาณ 40-65 องศาเซลเซียส มีสภาพภูมิทัศน์โดยรอบสวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และพักผ่อน มีการจัดสถานที่สาหรับอาบน้าแร่แบบห้องส่วนตัว (ค่าเช่าห้องอาบน้าแร่ 50 บาท ค่าแช่น้าแร่คนละ 30 บาท) และอ่างแช่ฝ่าเท้า
       ก่อนกลับเข้ากรุงเทพแวะกินต้มเลือดหมูป้ามล (สูตรตี๋ สุโขทัย) ขึ้นชื่อความอร่อย ความสะอาด และครบถ้วนคุณค่าทางโภชนาการ จากถนนเส้นทางหลัก เมื่อถึงแยกนครชุมเลี้ยวซ้ายวิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนถึงขนส่งจังหวัดให้กลับรถ และวิ่งตรงไปร้านจะอยู่ซ้ายมือก่อนถึงธนาคารธกส. ถ้าผ่านมาแถวนี้แล้วไม่ได้แวะถือว่าพลาด บอกเลย
        ข้าวมันไก่ น้าจิ้มรสเด็ดจัดจ้านมาก ราคาธรรมดา 30 บาท พิเศษ 40 บาท
 
       หลังเต็มที่กับความอร่อยกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกลับกรุงเทพ กลับเข้าสู่โหมดทางานลุยงานกันต่อ และนี่ก็ถือเป็นการรีวิวครั้งแรกเกี่ยวกับกิจกรรม หรือการท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ก็แอบเสียดายที่ผ่านมาไม่เคยเขียนเอาไว้ แต่ทุกรายละเอียดยังอยู่ในความทรงจาเสมอน๊า (แอบน้าเน่า 555) แล้วพบกันใหม่กับบันทึกการเดินทางครั้งหน้า ^__^
เรียบเรียงโดย : หิ่งห้อยตัวน้อย