นั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่ นอนม่อนแจ่ม รับลมหนาว 2 วัน 1 คืน | เชียงใหม่

หน้าฝนกำลังผ่านไป ลมหนาวเบาๆ กำลังพัดมา ชวนให้อยากไปเที่ยวเหนือ อยากหนีงาน โดดงานไปนอนบนดอยรับลมหนาวสักคืน ทำงานมาทั้งปีหนีงานไปเม่ามอยบนดอยสักคืนคงไม่เป็นอะไร นัดวันโดนงานเสร็จ (เอ้ย! วันเที่ยว) ก็นับถอยหลังวัน เก็บของล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ตื่นเต้นจะได้ไปเที่ยว ทริปนี้ว่างแผ่นกันว่าจะเดินทางด้วยรถไฟทั้งขาไปและขากลับ แต่กลัวจะเหนือยเกินไปเพราะเราเดินทางกลับวันอาทิตย์ถ้าเดินทางด้วยรถไฟเราจะถึงเช้าวันจันทร์และเราต้องไปทำงานต่อ คิดๆดูแล้วจะโหดเกินไป จึงเปลี่ยนแผ่นเป็น ขาไปเดินทางด้วยรถไฟ และขากลับยอมเสียค่าเครื่องบินแพงหน่อยซื้อเวลา ส่วนเรื่องการเดินทางที่เชียงใหม่เราจะใช้บริการรถแดงนำเที่ยวตามจุดต่างๆ คิดกันไว้ว่าทริปนี้จะไปกันสัก 6 คน ถึงวันไปเหลือรอดอยู่ 4 ชีวิต ไปเยอะไม่ได้อยู่แผนกเดียวกันเดี๋ยวมันจะไม่งาม

วันเดินทางมาถึงแล้ว แล้วยังเป็นวันที่เราทำงานปกติ วันนี้เดินทางตอนเย็น หลังเลิกต้องรีบไปสถานีรถไฟ น้ำไม่ต้องอาบ กะว่าจะไปอาบที่ม่อนแจ่มทีเดียวเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ถึงแล้วสถานีรถไฟหัวลำโพง แบบหัวมันๆ รถไฟยังไม่ออก เดินสำรวจรอบๆ กันก่อน

รู้สึกชอบรถไฟรุ่นใหม่มาก เพราะมันดูสะอาดสะอ้าน สบายตา น่านั่ง น่านอน จริงๆ ห้องน้ำสะอาดเหมาะแก่การสร้างประติมากรรมยิ่งนัก มีตู้เสบียงไว้ฝากท้องเวลาหิวตู้เสบียงบางช่วงเวลาคนก็จะเยอะหน่อย โต๊ะมีจำนวนจำกัด อาจต้องแบ่งๆ กันใช้บริการหน่อย จริงๆ เรามีเอาแมลงทอด จิ๊งหลีด ดักแด้ ตั๊กแตน ถุงใหญ่ๆ แบบเถือนๆ สายตาคนที่เดินผ่านไปมามองๆ สงสัยว่าเรานั่งจ้วงอะไรกัน เอิ๊กๆๆ

ถึงเวลาเจ้าหน้าที่ปูเตียง เข้านอนได้ นอนเตียงบนไม่เห็นวิวเลย สำหรับใครอย่านอนเตียงล่างต้องรีบจองตั๋วล่วงหน้ายาวๆ หน่อย เตียงล่างจะสะดวกสบายกว่าเตียงบน

ถึงแล้วเชียงใหม่ ถึงตามเวลาที่กำหนดไว้ ไม่เรทเหมือนที่คิดไว้

นัดเจอรถแดงนำเที่ยวใกล้สถานีรถไฟ ทริปนี้เราใช้บริการลุงแดงนำเที่ยว ให้ลุงพาไปเที่ยว และพาไปส่งที่พัก และวันกลับก็ให้มารับไปส่งที่สนามบิน

ก่อนมาเตรียมใจไว้แล้วว่านั่งรถขึ้นดอยโค้งเยอะมาก ต้องเมารถแน่นอน ที่แรกลุงแดงพาเรามาที่วัดพระธาตุดอยคำ เริ่มต้นแบบเบาๆ โค้งน้อยๆ จากสถานีรถไฟเดินทางเพียง 20 นาทีนิดๆก็ถึงวัดพระธาตุดอยคำ ถึงวัดยังชิวๆ ไม่เมารถ สบายมากอีกร้อยโค้งก็ยังไหว

หลังจากเที่ยววัดพระธาตุดอยคำเสร็จแพลนต่อไปคือเราจะขึ้นดอยสุเทพ ตามแผนที่เราวางไว้คือเราจะไป พระตำหนักภูพิงค์ แล้วไปที่ดอยปุย จากนั้นขาลงเขาเราจะกลับมาเที่ยววัดพระธาตุดอยสุเทพไปลุยกันเลย…

รถเริ่มวิ่งขึ้นเขา นับโค้งที่1 โค้งที่2 โค้งที่3 ……แล้วก็อีกหลายๆโค้ง ผ่านไป 30 นาทียังไม่ถึง และจำไม่ได้ว่าโค้งที่เท่าไร แต่รู้สึกว่าเป็น 30 นาทีที่ทรมานเหลือเกิน เป้าหมายของเราคือ พระตำหนักภูพิงค์ เราต้องไปให้ถึง และแล้วเราก็วัดพระธาตุดอยสุเทพ แต่ที่นี้ตามแผนเราจะมาเป็นที่สุดท้ายช่วงขาลงเขา ในใจอยากให้จอดเหลือเกิน จะตะโกนบอกลุงแดงให้จอดแต่ก็ไม่ทันลุกแกขับผ่านไปแล้ว……ไม่เป็นไรเราสู้อยู่แล้ว…

ถึงพระตำหนักภูพิงค์ด้วยสวัสดิภาพ แต่สภาพของแต่ละคนคือไม่ไหวแล้วจริงๆ เมาโค้งก็เมาหิวก็หิว แถวพระตำหนักภูพิงค์ด้วยมีร้านอาหารต้องฝากท้องกันก่อน แต่ก็ไม่กล้ากินเยอะเพราะจบจากที่นี้เราต้องเดินทางต่ออีกหลายโค้ง

การเข้าพระตำหนักภูพิงค์มีค่าเข้า และต้องแต่งกายสุภาพไม่ใส่ขาสั้น เดินชมธรรมชาติ พรรณไม้หลายชนิด เดินชมธรรมชาติให้หายเมา บรรยากาศ 10 โมงเช้ามีแดดแต่ไม่ร้อนเลย อากาศเย็นสบายมากๆ

ไปดอยปุยกันต่อเลย ตกลงกันนานกว่าจะเดินทางต่อได้ เพราะด้วยอาการเมาโค้งทำให้ไม่อยากเดินทางต่อ แต่ด้วยความตั้งใจว่าต้องไปให้ครบก็ต้องอดทนสู้ เดินทางกันต่อ

และแล้วเราก็มาถึงดอยปุย ตรงทางเข้าดอยปุยเป็นตลาด ขายของกินของใช้ ของฝากมากมาย จากตลาดเดินขึ้นไปจะเป็นเหมือนหมู่บ้านและมีสวนดอกไม้ และมีเด็กๆ เชาเขามาถ่ายรูปด้วย ถ่ายรูปกับน้องๆ ให้ค่าขนมน้องๆ 10 บาท 20 บาท น้องน่ารักๆ ทุกคน

ทัวร์ดอยปุยเสร็จขาลงแวะไปวัดพระธาตุดอยสุเทพ ตอนขาลงไม่เมาโค้งเท่าช่วงขึ้นเขา มาเชียงใหม่ทั้งทีต้องมาวัดพระธาตุดอยสุเทพให้ได้ มาไหว้พระเสริมสิริมงคลกันหน่อย

ไหว้พระขอพรเสร็จไปม่อนแจ่ม เข้าที่พักกันเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ทางไปม่อนแจ่มโค้งไม่ปวดหัวเท่าขึ้นดอย ทริปนี้เราเลือกพักที่ไร่ภูพญา มานอนเต้นท์รับลมหนาว หน้าเต้นท์มองเห็นวิวภูเขาและไร่ จิตนาการเลยว่าช่วงเช้าถ้ามีทะเลหมอกจะต้องสวยมากๆ แอบลุ้นๆ อยากเจอหมอกตอนเช้า

ที่พักเป็นห้องน้ำรวมแต่ไม่ตงกังวลใจเพราะเพียงพอแน่นอน ไม่ต้องแย้งกันใช้ อากาศหนาวๆ แบบนี้ไม่อยากอาบน้ำจริงๆ ถึงจะมีเครื่องทำน้ำอุ่นกว่าจะทำใจอาบได้ต้องนับ 1 – 100 ก่อน

มีร้านอาหารสามารถสั่งกินได้เลย ช่วงเย็นส่วนใหญ่คนจะกินหมูกระทะ อากาศเย็นแบบนี้หมูกระทะอร่อยที่สูดดดดด

ตัดมาตอนเช้าเลย น่าเสียดายมากเช้านี้ไม่มีหมอก อากาศหนาวแต่ก็ใช่ว่าจะเจอหมอก ใครอยากเจอหมอกต้องมาช่วงที่ฝนตก เขาบอกว่าถ้ามีฝนตกตอนเย็น ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นจะมีหมอกให้เห็น วันเราไปนี้แดกเปรี้ยง

อากาศดีมาก เย็นสบาย เช้าๆ ออกไปเดินยืดเส้นยืดสาย เดินเพลินๆ ชมวิว ไปเรื่อยๆ เห็นที่พักสวยๆ เยอะมาก หลายที่กำลังก่อสร้าง เดินกินลมเพลินๆ รอเวลานัดหมายลุงแดงจะมารับกลับ

ขากลับเรามีโปรแกรมเที่ยวอีกจุดหลักๆ จุดแรกเราขึ้นมาที่ม่อนแจ่ม น่าจะเป็นจุดชมวิวสูงสุดของที่นี้ ทางขึ้นมีตลาด ร้านอาหาร และด้านบนสุดจะเป็นสวนดอกไม้

ตัดภาพมาที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์จุดสุดท้ายของทริปนี้ มีค่าเข้าคนละ40 บาท ที่นี้มีพรรณไม้มากมาย มีการจัดสวนเพื่อแบ่งกลุ่มพันธุ์ไม้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นทางเดินลอยฟ้า ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีระยะทางประมาณ 400 เมตร สูงเหนือกว่าพื้นดิน 20 เมตร เพื่อให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แบบ 360 องศา

หลังจากที่เราเที่ยวชมสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์เสร็จเรียบร้อยเราก็ให้ลุงพาไปซื้อของฝากและไปส่งสนามบินเดินทางกลับกรุงเทพ

จบทริปนี้ด้วยค่าเสียหาย
ค่าที่พัก 2200 บาท (คนละ 550)
รถแดงเชียงใหม่ 2500 บาท (คนละ 625)
ค่ารถไฟ เตียงบน 941 บาท , เตียงล่าง 1041 บาท (เฉลี่ยคนละ 1000 บาท)
ค่าจองตั๋วเครื่องบิน 4 ที่นั่น 7875 บาท (คนละ 1968 บาท) เดินกลับวันอาทิตย์จะแพงหน่อย

หากใครอยากประหยัดค่าใช้จ่ายลงมาหน่อยอาจต้องดูช่วงโปรโมชั่นของสายการบินก่อนแล้วค่อยจองกำหนดวันเที่ยว จะได้ประหยัดลงไปอีก หรือถ้าไม่อยากรอช่วงโปรโมชั่น และมีเวลาเหลือเยอะไม่ต้องรีบมากก็แนะนำให้กลับรถไฟนอนชิวๆ ถึงกรุงเทพ แต่ตั๋วรถไฟจะเต็มเร็วมากอาจต้องจองกันล่วงหน้ายาวๆ เลย