นั่งรถไฟเที่ยว เมืองลพบุรี ยุคทองสมเด็จพระนารายณ์ เมืองดีที่ต้องไป

นึกถึงจังหวัดลพบุรี แว๊ปแรกที่ออกมาในหัวคือลิง แต่นอกจากลิงแล้ว ที่ลพบุรียังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นโบราณสถาน ไม่ว่าจะเป็นซากของเมืองเก่า วัดเก่า สมัยพระนารายณ์ ทำให้นึกถึงละคร “บุพเพสันนิวาส” ขึ้นมาเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าเราจะมาตามรอย บุพเพสันนิวาส ช้ากว่าชาวบ้านเขาน่ะเนี่ย

และด้วยความที่แหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานต่างๆ อยู่ไม่ไกลไปจากสถานีรถไฟลพบุรี สามารถเดินไปได้ไม่ไกล และทริปนี้เราจะเพื่อนๆ ไปนั่งรถไฟเที่ยวลพบุรีกัน

แต่ถ้าคิดจะนั่งรถไฟไปเช้ากลับเย็นบอกเลยว่าเราไม่ไปแน่นอน เพราะมันจะร้อนมากๆ ยิ่งถ้าเราได้นั่งรถไฟชั้น 3 แอร์ธรรมชาติน่ะ ต้องบอกเลยว่าสุดๆ กว่าจะไปถึงลพบุรีเหงือไหล ไคลย้อย กันเลยทีเดียว แต่ถ้าได้นั่งชั้นสองติดแอร์ก็ถือว่าโชค์ดีไป

ทริปนี้เราก็เลือกเดินทางกันตอนกลางคืน ไปนอนพักแล้วก็ออกไปเดินถ่ายรูปตอนเช้าๆ ตามจุดต่างๆ หลังจากนั่นสายๆ สัก 11 โมงเราก็นั่งรถไฟรอบ 11 กลับ เพื่อให้ถึงกรุงเทพประมาณบ่าย 2 ถึง บ่าย 3 ซึ่งเป็นเวลากำลังดี เพราะถ้าขึ้นรถไฟหลังเที่ยงเราจะถึงกรุงเทพเย็น

ช่วงเวลาที่เราเลือกเดินทางเป็นรถไฟรอบ 4 ทุ่ม เป็นรถไฟด่วน ก็กะว่าจะไปนั่งตู้แอร์เย็นๆ ที่ไหนได้พอไปถึงหัวลำโพงตั๋วเต็มหมด ได้ตั๋วชั้น 3 ราคา 50 บาท ที่ทำสำคัญตั๋วนี้เป็นตัวแบบไม่มีที่นั่ง เอาง่ายๆ คือตั๋วเต็ม เหลือแต่ตั๋วยืนนั้นแหละ แต่เราสามารถไปนั่งเบาะว่างๆ ก่อนได้ แต่ถ้าเจ้าของที่นั่งมาก็ต้องลุกให้เขา ก็ต้องลุ้นกันไปว่าจะมีเจ้าของที่นั่งมาหรือเปล่า นั่งรถไฟตอนกลางคืนแบบนี้ก็ดีอย่างหนึ่งคือไม่ร้อนเลย

รถไฟเดินทางถึงลพบุรีประมาณ เกือบๆ ตี 1 ใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมงได้ ระหว่างที่อยู่บนรถไฟคิดอยู่เสมอว่าเมืองถึงลพบุรีจะเดินไปโรงแรมยังไง บรรยากาศ 2 ข้างทางจะดูหลอนๆ ไหม พอถึงลพบุรีถึงหักมุมเลย มีเซเว่น มีวินมอเตอร์ไซค์ มีสถานบันเทิง อยู่แถวๆ บริเวณนั้น ทำให้การเดินทางไปโรงแรมไม่เป็นแบบที่คิดไว้เลย

จะบอกว่าใครเลือกโรงแรมใกล้พระปรางค์สามยอดจะหลอนๆ ตอนเช้าหน่อยๆ เพราะเราจะได้ยินเสียงร้อง เสียงเหมือนมีอะไรเดินไปเดินมานอกตึก ช่วงประมาณตีสาม จึงถึงเช้า ไม่ใช้เสียงใครที่ไหนเสียงลิงไง

ตอนแช้ารีบตืนตั้งแต่เช้า เดินไปเก็บภาพตามสถานที่ต่างๆ ระหว่างทางมองไปทางไหน ก็เจอลิงไปหมด เดินสบาย ๆ บนท้องถนน ปีนป่าย วิ่งเล่นบนหลังคาบ้านกันสนุก ต้องบอกว่าคนที่นี้คงอยู่กับลิงจนชินไปแล้ว

จุดที่ลิงมารวมตัวกันเยอะที่สุดก็คงเป็นที่พระปรางค์สามยอดนี้แหละ แต่ช่วงๆ เช้าๆ ลิงจะยังน้อยอยู่ แต่ถ้าสายๆ จะมีนักท่องเที่ยวมาให้อาหารลิงกัน ลิงก็จะเยอะกว่านี้ ที่สำคัญพยายามให้อาหารลิงตามจุด ส่วนใครถือของพยายามเก็บไว้ให้ดี บางทีลิงมันอาจมองเป็นของกินแล้วจะมาแย่งเราได้ ถ้าเป็นของกินที่เราไม่ได้ซื้อมาให้น้องลิงก็กินให้หมดก่อน เพราะถ้าน้องลิงเจอมันจะเดินมาหาเราทันที และจะบอกว่าถ้ามันมาดึงของกินไปก็ปล่อยให้มันไปเลย ส่วนลิงตัวไหนพยายามจะมาไต่ มาเกาะขาเรา เราก็สามารถไล่มันได้ อย่าไปตีมันน่ะ เพราะมันอาจร้องเรียกจ่าฝุ่งมาลุมเราได้เลย

โบราณสถานต่างๆ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตอน 8 โมง เราก็เดินสำรวจกันไปก่อน ส่วนตัวชอบไปถ่ายภาพตอนเช้าเพราะแดดไม่ร้อน และเราก็จะได้ภาพสวยๆ

ศาลพระกาฬ มาลพบุรีแล้วไม่มาเยือนศาลพระกาฬถือว่ายังไม่มีถึง ศาลแห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่อพระกาฬ สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ยืนทำด้วยศิลา มี 2 องค์

วัดนครโกษา อยู่ใกล้ๆ กับศาลพระกาฬ มีเจดีย์องค์ใหญ่สมัยทวารวดี พระปรางค์สมัยลพบุรีในราวพุทธศตวรรษที่ 17

เดินถัดจากพระปรางค์สามยอด ไม่ไกลมากจะพบกับเทวสถานปรางค์แขก  เรียกกันสั้นๆ ว่า “ปรางค์แขก” โบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดลพบุรี โดยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15

เดินต่อไปอีกเล็กน้อยจะเป็นบ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์
บ้านวิชาเยนทร์ สถานที่พำนักของคอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ คณะทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา ที่ถูดพูดถึงในละครบุพเพสันนิวาส ซึ่งเป็นขุนนางที่สมเด็จพระนารายณ์โปรดปราน

ใกล้ๆ กับบ้านบ้านวิชาเยนทร์เดินผ่านตลาดมาจะเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เป็นพระราชวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีความสำคัญและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

ตึกพระเจ้าเหา สันนิษฐานว่าเป็นหอพระประจำพระราชวัง ตึกพระเจ้าเหาหรือ “พระเจ้าหาว” (หาวเป็นภาษาไทยโบราณ หมายถึงท้องฟ้า) ในตอนปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ พระเพทราชา และขุนหลวงสรศักดิ์ใช้ตึกพระเจ้าเหาเป็นที่นัดแนะประชุมขุนนางและทหารเพื่อแย่งชิงราชสมบัติขณะที่สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงพระประชวรหนัก

ท่อน้ำปะะปามีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้วน่ะ ซึ่งจะเป็นท่อดินเผา และจะมีอ่างเก็บน้ำที่กักเก็บน้ำใช้ จ่ายไปตามท่อดินเผาเข้าสู่ตึกและพระที่นั่งต่างๆ ในพระราชวัง น้ำจะไหลตามท่อดินเผามาจากอ่างเก็บน้ำซับเหล็กซึ่งอยู่กลางหุบเขานองเมืองลพบุรี

พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกต้อนรับคณะราชทูตต่างประเทศ มีศิลปกรรมแบบไทยผสมผสานฝรั่งเศส สถานที่ที่มีเหตุการทางประวัติศาสตร์ ที่น่าสนใจ ที่คณะฑูตฝรั่งเศสคณะที่ 1 ที่เข้ามาถวายพระราชสาส์น แด่สมเด็จพระนารายร์มหาราช ที่เคยเห็นจากหนังสือเรียนและในละครบุพเพสันนิวาส

ถัดจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เดินย้อนกลับไปที่สถานีรถไฟจะเป็น วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ระหว่างทางจะมีกราฟฟิตี้น้องลิงน้อย

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ โบราณสถานเก่าแก่ วัดแห่งนี้สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่มีการปรับปรุงซ่อมแซมหลายครั้งทั้งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อยู่ติดกับสถานีรถไฟลพบุรี

ไปมาน่าจะครบทุกโบราณสถานสำคัญๆ ก็แวะซื้อตั๋วกลับที่กรุงเทพได้เลย ตั๋วกลับราคา 28 บาท รถไฟชั้น 3 แอร์ธรรมชาติเหมือนเดิม กลับตอนกลางวันจะร้อนๆ หน่อย แต่เราจะถึงกรุงเทพไม่เย็นมาก และไม่เหนือยมาก แต่สำหรับใครที่อยากเที่ยวนานหน่อย และขากลับไม่อยากกลับรถไฟสามารถกลับรถตู้ได้ วินรถตู้อยู่แถวๆ พระปรางค์สามยอดลองไปสอบถามดูได้

ลืมฝากอีกอย่างข้างๆ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จะมีขมโตเกียวว่ากันว่าเป็นร้านในตำนานเพราะเปิดขายมานานแล้ว ลองไปชิมดูน่ะครับ

จบสำหรับทริปลพบุรี แล้วเจอกันทริปหน้า