8 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าใสใจ ในช่วงเวลาที่ฝนพรำๆ
เข้าสู่หน้าที่ไรจะไปไหนก็ลำบาก โปรแกรมเที่ยวที่คิดไว้พอฝนตกก็ยกเลิกกันไปตามๆ กัน แต่เดี๋ยวก่อนยังมี ที่เที่ยวหน้าฝน ที่เราอยากจะแนะนำให้เป็นตัวเลือก มาดูกันเลยว่าจะเป็นที่ไหนบ้าง
1. เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
รูปจาก thailandtopvote.com/เขื่อนรัชชประภา/
รูปจาก 500rai.com
เขื่อนรัชชประภา ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หมู่ที่ 3 ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี 90 กิโลเมตร เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวอเนกประสงค์ สูง 95 เมตร ยาว 700 เมตร บริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และสวนสวยงาม อีกทั้งภูเขาหินปูนที่อยู่ในเขื่อนยังมีรูปร่างต่าง ๆ แปลกตาสวยงามตามธรรมชาติ ท่ามกลางผืนน้ำสีเขียวที่ดูอบอุ่นเย็นสบายเหมาะจะมาเที่ยวพักผ่อน ซึ่งในบริเวณเขื่อนรัชชประภาจะมีที่พักให้เลือกมากมาย โดยจะยังมีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น พายเรือแคนู, เที่ยวถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 6 กิโลเมตร โดยทางเท้า เป็นถ้ำใหญ่ที่มีธารน้ำไหล มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม การเดินเที่ยวถ้ำค่อนข้างลำบากจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 0 7728 8817-9, 0 7728 2828 (ในวัน-เวลาราชการ)
2.อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
รูปจาก www.trongdee.com/home/เที่ยวอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ-อำเภอทองผาภูมิ-จังหวัดกาญจนบุรี.html
ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของทิวทัศน์ ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ สำหรับ “ทองผาภูมิ”อำเภอสุดแดนตะวันตก ขอบชายแดนไทย-พม่า เพราะสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงชัน ทำให้มีความสวยงามของท้องทะเลแห่งขุนเขาและทะเลหมอกในยามเช้า อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอยู่หลายแห่ง เช่น เขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีวิวทิวทัศน์ที่งดงาม, เขาช้างเผือก ที่มีความสูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเล เส้นทางเดินไปสู่ยอดเขาช้างเผือกเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้า มองได้รอบทิศทาง 360 องศา, เหมืองปิล็อก เหมืองขนาดใหญ่ที่อดีตเคยทำรายได้หลักและเป็นลมหายใจของชีวิตคนกาญจนบุรี, บ้านอีต่อง หมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาที่เงียบสงบ ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั่งเดิมเอาไว้, น้ำตกจ๊อกกระดิ่น มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ในยามหน้าฝนสายน้ำจะไหลพรั่งพรู สวยงามมาก และดอยต่องปะเล จุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยเฉพาะยามที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็น จะสวยงามและได้บรรยากาศที่สุด
3.ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
รูปจาก travel.mthai.com/region/central/61110.html
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย-ลาว บริเวณที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาภูสอยดาว สูงถึง 2,102 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี สภาพป่าส่วนใหญ่ยังอุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาเพื่อพิชิตยอดภูสอยดาว เพราะด้วยเส้นทางที่ท้าทาย ซึ่งในระหว่างเดินทางสามารถชมความสวยงามของทิวทัศน์ธรรมชาติ น้ำตก และดอกไม้ป่าชนิดต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยการเดินทางขึ้นไปสู่ยอดภูสอยดาวอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับนักเดิน เท้าหลาย ๆ คน ด้วยเนินที่สูงชัน เส้นทางแคบ คดเคี้ยว ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ผสมกับสายฝน หยาดน้ำค้าง ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ของการเดินทางเป็นอย่างมาก ทำให้นักเดินทางหลายคนเลือกที่จะดินทางไปพิชิตยอดดอย เพื่อตามเก็บภาพความงามอันอัศจรรย์ของทุ่งดอกหงอนนาค ราชินีแห่งดอกไม้ ที่ผลิดอกบานสะพรั่งห่มคลุมทั่วทุกทุ่งกว้าง รวมไปถึง เอื้องหมายนา ลิลลี่ป่า ลิ้นมังกร กระดุมเงิน ว่านไก่แดง และผืนหมกที่ปกคลุมป่าสนสามใบ เรียงรายไปไกลสุดสายตา ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 53110 โทรศัพท์ 0 5543 6001-2
4. วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
รูปจาก www.makkuted.com/?p=1431
รูปจาก www.tourthailands.com/a-cup-of-love-วังน้ำเขียว/
รูปจาก www.painaima.com/board/index.php?topic=630.0
สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน นี่คือฉายาที่ใคร ๆ ต่างก็ขนานนามให้กับวังน้ำเขียวเมื่อได้มาเยือน เพราะที่นี่มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและสภาพอากาศที่เหมาะสมแก่การเจริญของ พรรณไม้ที่หลากหลาย มีน้ำตกที่สวยงาม และจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นผืนป่าอุทยานแห่งชาติทับลานที่กลับคืนสู่ความสมบูรณ์ของผืน ป่าดงพญาไฟในอดีต อีกทั้งยังมีผลไม้นานาชนิดให้เลือกสรร รวมทั้งยังมีสวนไม้ดอก-ไม้ประดับ ที่สวยงาม การปลูกผักปลอดสารพิษ และ การเพาะเห็ดหอม ซึ่งเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในพื้นที่อีกด้วยอีกทั้งอากาศยัง เย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูหนาวจะค่อนข้างหนาวเย็นเป็นพิเศษ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น เขาแผงม้า ที่มีอากาศเย็นสบาย, กิจกรรมชมแปลงปลูกดอกหน้าวัวหลายสายพันธุ์จากต่างประเทศ ที่มีให้ชมทั้งปี, อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง 1 เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา เห็นวิวทิวทัศน์ของแนวสันเขายาวอย่างสวยงาม, ชมสวนผักปลอดสารพิษลุงไกร ที่เป็นการรวมตัวกันเป็นกลุ่มส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษ วังน้ำเขียว เน้นการปลูกผักสลัด ผักกาดหอมเป็นส่วนใหญ่ มีหลายหลายสายพันธุ์ ผักจากสวนลุงไกร สด สะอาด อร่อย ผักสดคุณภาพสูง, วังน้ำเขียวฟาร์ม เป็นศูนย์เพาะพันธุ์เห็ดเมืองหนาว เปิดให้เยี่ยมชมการเพาะเห็ดแบบออร์แกนิก ไร้สารพิษ และยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ดอีกมากมายให้ซื้อกลับบ้าน
5.เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
รูปจาก bikecolorred.com/home/map/detail/22
รูปจาก february-coffee.com/Patteera/phatchaboon1.html
ภาพจาก www.teepucks.com/webboard/index.php?topic=1467.0#.WAZX6oOLSpo
“เขาค้อ” เป็นชื่อที่ตั้งตามลักษณะของพื้นที่ป่าบริเวณนี้ ที่แต่เดิมมีต้นค้อ ซึ่งเป็นไม้ตระกูลปาล์มขึ้นอยู่มาก ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต เพราะมีภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นสบายตลอดปี รวมทั้งมีทัศนียภาพสวยงาม จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบริเวณเขาค้อมีหลายแห่ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การสู้รบกับคอมมิวนิสต์ ได้แก่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ, พิพิธภัณฑ์อาวุธ, อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ, พระบรมธาตุเจดีย์, พระตำหนักเขาค้อ และน้ำตก ส่วนที่พักบนเขาค้อก็มีให้เลือกหลายแห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณตำบลทุ่งสมอและแคมป์สน นอกจากนี้ ยังมีรีสอร์ทต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางขึ้น
6.ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก
ภาพจาก donmueangairportthai.com/th/popular-destinations/2263/ล่องแก่งลำน้ำเข็ก-พิษณุโลก
สำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบกิจกรรมท้าทาย ล่องแก่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะการล่องแก่งลำน้ำเข็กที่สนุกสนาน ตื่นเต้น และท้าทาย ที่เริ่มต้นการล่องเรือยางจากบริเวณบ้านทรัพย์ไพรวัลย์ ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง ไปสู่บริเวณตอนบนของน้ำตกแก่งซอง ซึ่งความพิเศษของการล่องแก่งนี้จะเริ่มต้นจากกระแสน้ำนิ่งระดับ 1 และเข้าสู่ระดับน้ำที่มีความสนุกสนานท้าทายขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งถึงระดับสูงสุด คือ ระดับ 5 ในช่วงท้าย ซึ่งลำน้ำจะขนานไปกับทางหลวง หมายเลข 12 (สายพิษณุโลก-หล่มสัก) รวมระยะทางในการล่องแก่งทั้งสิ้นประมาณ 8 กิโลเมตร ผ่าน 18 แก่ง ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง แล้วแต่ระดับน้ำ และความยากง่าย
7.ล่องแพ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร
ภาพจาก :www.chumphon.go.th/2013/webboard/frontend/list_comment/forum_id/8/topic_id/17
เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดผจญภัย ที่สร้างประสบการณ์สุดมันส์ของการท่องเที่ยวแบบผจญภัยเชิงอนุรักษ์ได้เป็น อย่างดี นั่นก็คือ การล่องแพพะโต๊ะเชิงอนุรักษ์ บริเวณแม่น้ำพะโต๊ะ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่เปิดประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ถึงความงดงามทางธรรมชาติ และลิ้มรสอร่อยกับเมนูพื้นบ้านอาหารพื้นเมือง ซึ่งสอดคล้องกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่เป็นการผสมผสานระหว่างกิจกรรมการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของชุมชนลุ่มน้ำ พะโต๊ะ นอกจากนั้นสามารถเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวกับกลุ่มโฮมสเตย์บ้านคลอง เรือ ซึ่งมีกิจกรรมท่องเที่ยวในชุมชนที่น่าสนใจ อาทิ เดินป่าศึกษาธรรมชาติเขานมสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่า ดินแดนแห่งสามทะเล ได้แก่ กลางคืนแลทะเลดาว ตื่นเช้าแลทะเลหมอก แดดออกแลทะเลป่า นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมชมสวนผลไม้ ไร่กาแฟ ล่องแพ ดูนกอีกด้วย ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการปกครองอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โทรศัพท์ 0 7753 9040, 0 7753 9204 หรือ ททท. สำนักงานชุมพร โทรศัพท์ 0 7750 1831-2 , 0 7750 2775-6
8 แก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี
ภาพจาก www.adventure.tourismthailand.org
ภาพจาก www.napasornhouse.com/ท่องเที่ยวปราจีนบุรี/แก่งหินเพิง
แก่งหินเพิง ตั้งอยู่ที่ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ที่สวยงามอยู่ในลำน้ำใสใหญ่ ซึ่งมีลักษณะทางธรณีวิทยา เป็นชั้นหินทราย อยู่ในเขตความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 9 (ใสใหญ่) โดยภายในอำเภอนาดี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่เหมาะแก่การล่องเรือยางที่ท้าทายและ สนุกสนาน ในช่วงฤดูฝนราวเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำหลากล้นแก่ง และไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ เหมาะสำหรับการล่องแก่งผจญภัยเป็นอย่างมาก สำหรับการล่องแก่งนั้นจะผ่านแก่งกินต่าง ๆ ได้แก่ แก่งหินเพิง, แก่งวังหนามล้อม, แก่งวังบอน, แก่งลูกเสือ, แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า ใช้แพยางนั่งได้ประมาณ 8-10 คน ล่องไปตามลำน้ำใสใหญ่ ผู้ประกอบการจะพานักท่องเที่ยวไปยังบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ 9 (ใสใหญ่) และเดินป่าไปยังต้นน้ำ ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที จากนั้นจะเริ่มล่องแก่งมายังจุดสุดท้ายบริเวณ ขญ.9 ใช้เวลาล่องแก่งประมาณ 30 นาที นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อบริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรมในการล่องแก่งหินเพิง ได้
ขอบคุณแหล่งที่มา : Kapook.com