วันหยุดครั้งนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวไปพักผ่อนสงบๆ จะเป็นเที่ยวที่พักสงบๆ บรรยากาศดีๆ สไตล์ธรรมชาติห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและต้นไม้ แบบใกล้กรุงเทพกันบาง เราหาข้อมูลอยู่ระยะหนึ่งก็ตกลงกันได้ว่าจะไปที่อำเภอสวนผึ้ง ราชบุรี ที่อำเภอสวนผึ้ง มีที่บ้านพักสวยๆ มากมายหลายแห่ง แถมแต่ละที่ก็มีกิจกรรมให้ผู้เข้าพักได้ทำ ไม่ว่าจะเป็น ขี่ม้า ยิงธนู เลี้ยงแกะ อะไรประมาณนี้
ก่อนการตั้งสินใจการเดินทางไปที่สวนผึ้งครั้งนี้ ก็คิดมากเรื่องการเดินทางอยู่พอสมควรเพราะการเดินทางครั้งนี้เราจะเดินทางด้วยรถสาธารณะที่มีให้บริการ คำถามมากมายที่เข้ามาในสมองคือ เราจะเดินทางไปราชบุรียังไง แล้วจากราชบุรีไปอำเภอสวนผึ้งยังไง แล้วจากสวนผึ้งไปที่พักยังไง ตอนแรกก็มีตัวเลือกอยู่ 2-3 ที่ แต่บางที่ก็เต็ม บางที่ก็ไกลเกินไม่รู้จะเดินทางไปยังไง สุดท้ายเราก็มาได้ที่ “บ้านอ้อมกอดขุนเขา” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอสวนผึ้งมากนัก และเหตุผลที่เลือกที่นี้เพราะเจ้าหน้าที่ให้คำตอบเรื่องการเดินทางดีที่สุด แถวยังบอกอีกว่ามาถึงอำเภอสวนผึ้งแล้วโทรบอกเดี๋ยวทางรีสอร์ทจะออกไปรับ คำนี้คำเดียวเลยที่เราตัดสินใจได้ว่าจะไปที่นี้แหละ
ที่พักมีหลากหลายแบบมีขื่อเรียกแตกต่างกัน ราคาต่างกัน ของเราเลือกเป็นแบบบ้านพักชื่อว่าบ้านปีบทอง เช็คราคาห้องพักและเช็คห้องว่างได้ที่ www.baanaomkodkunkao.com
พูดมานานจะขอเข้าเรื่องการเดินทางเลย เราเดินทางไปที่สายใต้ใหม่เพื่อซื้อหารถไปราชบุรี การเดินทางไปราชบุรีสามารถเดินทางได้ทั้งรถทัวร์ รถตู้ แล้วก็รถไฟ สะดวกที่สุดน่าจะเป็นรถตู้ แต่การเดินทางของเราครั้งนี้เราเลือกรถทัวร์
ซื้อตั๋วไปราชบุรีได้ที่ช่อง 84 กลุ่ม 76 บริษัทราชบุรีทัวร์ รถออกทุก 1 ชั่วโมง
ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบๆ 2 ชั่วโมง
ถึงราชบุรี ลงรถทัวร์แถวๆ ทางรถไฟ เพราะตรงนี้สุดสายของรถทัวร์แล้ว เราก็เดินถามทางคนในพื้นที่ เค้าบอกให้ไปขึ้นรถบัสแถวๆ ริมน้ำ เดินทะลุซอยเข้าไป ผ่านตลาด ให้สังเกตหอนาฬิกา อยู่ติดธนาคารออมสิน เดินถามทางคนพื้นที่ไปเป็นระยะๆ ก็เจอจุดขึ้นรถไปอำเภอสวนผึ้ง ระยะห่างจุดที่เราลงรถไม่ไกล เรามาถึงจุดขึ้นรถบัสเวลาประมาณ12.50 น. รถกำลังจะออกพอดี ใครจะเดินทางต้องกะเวลาดีๆ
ค่าโดยสารไปสวนผึ้งคนล่ะ 65 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง (ถ้าใครจะกลับจากสวนผึ้งมาที่ตัวเมืองราชบุรี รถบัสรอบสุดท้ายจะออกจากสวนผึ้ง 17.30น.)
ถึงอำเภอสวนผึ้งประมาณบ่าย 2 เราก็โทรหาแจ้งเจ้าหน้าที่รีสอร์ทอีกครั้งเพื่อยืนยัน ทางรีสอร์ทก็น่ารักมากบอกออกมารับ รู้สึกดีกับการบริการที่ดี
รอสักพักเจ้าหน้าที่รีสอร์ทก็ขับรถออกมารับ เดินทางไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงที่พัก
ถึงที่พักเช็คอินที่เคาน์เตอร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะพานั่งรถกอล์ฟไปที่พัก นี้ไงบ้านปีบทอง
เปิดห้องมาถึงกับยิ้มเพราะที่พวกตกแต่งได้สวยงามมาก หรูหราเหลือเกิน ไม่ผิดหวังเลยที่เลือกที่นี้ เหมาะแก่การพักผ่อนยิ่งนัก
มาดูโซนห้องน้ำกันบ้างมีอ่างน้ำจากุชชี่ด้วย โอ้ว ห้องน้ำจะกว้างไปไหน
มาดูบรรยากาศนอกระเบียงกันบ้าง มุมดี วิวดี อากาศไม่ร้อน ชอบสุดๆ
จะบอกว่ามีมุมดาดฟ้าด้วยน่ะ
สำรวจที่พักกันพอแล้วก็หาอะไรกินดีกว่า ผ่านบ่อน้ำหน้าบ้านถ่ายรูปสักหน่อย
หิวๆ ก็เดินมาที่นี้เลยครัวจันทร์ฉาย
ระหว่างรออาหารก็ของอีกสักภาพ
อาหารเสริฟครบแล้วลุยเลย หิวมากกินทุกอย่างที่ขวางหน้า อิ่มแล้วจะได้ไปหามุมพักผ่อนดีๆ ถ่ายรูปสวยๆ
ที่นี้มีกิจกรรมขี่ม้ารอบรีสอร์ทค่าบริการ 150 บาท ดูหน้าตากลัวๆ ไงไม่รู้ แต่ม้าเชื่องมากๆ
มีบ่อปลา มีทางเดิน ให้ลงไปเอาขาหย่อน อารมณ์เหมือนนั่งเล่นริมคลอง ได้บรรยากาศไปอีก
นี้ถ้ามาช่วงดอกบัวบานจุดนี้จะได้บรรยากาศขนาดไหน คงจะสวยมากๆ
มีมุมนั่งเล่น นอนเล่น ชิวๆ หลายจุด ว่าไปแล้วเหมาะแก่การมาพักผ่อนแบบครอบครัว หรือว่าจะมาแบบคู่รักหวานแว๋วมากๆ ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบผู้คนไม่พุกพาน ดูเป็นส่วนตัวพอสมควร
ยิ่งธนูชุดล่ะ 100 บาท ขอบอกว่าเป้าสะอาด ไม่โดนสักดอก
เดินหามุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
เดินสำรวจรอบๆ มีบ้านน้องกระต่ายด้วย
เดินมาเจอร้านเบเกอรี่อยู่แถวบ้านกระต่าย ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไป เพราะร่างกายขาดความหวานไม่ได้จริงๆ
เติมความหวานกันพอแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้านปีบทองของเรา
เย็นแล้วเปิดน้ำรอเลย อาบน้ำเสร็จจะได้รีบนอนพรุ้งนี้เช้าจะได้หามุมถ่ายรูปสวยๆ ต่อ
บรรยากาศเช้าๆ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เพราะช่วงที่เรามายังเป็นหน้าฝนอยู่ เช้าๆ มีอาหารเช้าให้บริการช่วง 7 โมงเช้า จะบอกว่าถ้าเป็นวันหยุด อยู่ที่บ้าน 7 โมงเช้าคงยังไม่ตื่น
เมนูอาหารเช้ามีมามายให้เลือก
จริงๆ มีอาหารคาวหวานหลายอย่างที่เราไม่ได้กิน เพราะช่วงเช้าๆ ยังทานอะไรไม่ค่อยได้มากนัก ก็เลยตักมาเท่านี้
บริเวณครัวจันทร์ฉายจะมีนกแก้วชื่อว่าน้องสงกรานต์ เวลาเราเรียกชื่อเหมือนจะมีเอียงหูฟังด้วย น่ารักสุดๆ
อิ่มแล้วก็เดินยืดเส้นยืดสาย หาที่เงียบๆ นั่งพักชิวๆ
มีสระว่ายน้ำให้บริการ ใครจะว่ายน้ำต้องสวมชุดว่ายน้ำด้วย ถ้าใครไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมาแถวๆ ร้านเบเกอรี่ เห็นผ่านๆ ตาว่าจะมีขายอยู่
ช่วงเช้าๆ เดินเล่นชิวๆ ถ่ายรูปไปเรื่อย
มีมุมชิงช้าให้นั่งเล่น
และแล้วถึงเวลาที่ต้องจากที่นี้ไป จริงๆก็อยากจะอยู่ต่อ แต่ด้วยภาระและหน้าที่ทำให้เราต้องกลับไปสู่เมืองวุ่นวาย ตอนเช็คเอาท์ก็แอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามีรถผ่านที่พักเข้าอำเภอไหม เจ้าหน้าที่ก็บอกกำเราว่าเดี๋ยวไปส่งที่อำเภอ โอว….บริการดีมาก ขามาก็ไปรับขากลับก็มาส่ง
รอรถตู้ที่ศาลาหน้าอำเภอ เพื่อเข้าไปที่ตัวเมืองราชบุรี คาโดยสารคนล่ะ 65บาท
ใช้เวลาเดินทางประมาณ40 นาทีก็ถึงราชบุรี
จากนั้นเราก็ต่อรถตุ๊กๆ ไปขึ้นรถที่ท่ารถทัวร์ บริษัทราชบุรีทัวร์ ค่ารถตุ๊กๆ 60 บาท ใครเดินไหวก็เดินไปเพราะระยะทางได้ไม่ไกล
ขึ้นรถทัวร์สายราชบุรีทัวร์ บริษัทเดิมที่นั่งตอนขามา ไปลงสายใต้ใหม่ ใช่เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงก็ถึงกรุงเทพ สำหรับทริปนี้ขอจบไว้เพียงเท่านี้ ไว้ทริปหน้าค่อยเจอกันใหม่…..
ติดต่อบ้านอ้อมกอดขุนเขา
47/2 หมู่ 2 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
GPS : N13.55184 E099.27463
โทร : 032-240830 032-240831 032-240832 แฟกซ์ : 032-240830
โทรศัพท์มือถือ 084-7512323, 081-8816680, 081-7529696
เวลาเปิดทำงาน 8.00 – 18.00น. (ทุกวัน)
ข้อมูลการเดินทาง
เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
เส้นทาง กรุงเทพฯ – นครปฐม – ราชบุรี – สวนผึ้ง
จากกรุงเทพฯให้ขับมาทางถนนเพชรเกษม ผ่านจังหวัดนครปฐมมุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี ก่อนถึงตัวเมืองราชบุรีจะเจอสะพานข้ามทางรถไฟซ้ายมือเป็น Big-C ราชบุรี บนสะพานจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปราชบุรี ตรงไปเพชรบุรี ให้ขับตรงไปผ่านหน้า Big-C ราชบุรี จะเจอสี่แยกไฟแดงทางขวามือเป็นโชว์รูมรถนิสสันให้ขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่าน Makro อยู่ทางฝั่งขวามือ ขับตรงต่อมาอีกจะเจอสะพานข้ามสี่แยกให้ชิดซ้ายไม่ต้องขึ้นสะพานสังเกตจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาไปสวนผึ้งให้เลี้ยวขวาตรงไฟแดงใต้สะพาน หลังจากเลี้ยวขวาที่สี่แยกไฟแดงแล้วให้ขับตรงไปตามทางเรื่อยๆ (ขับตามป้ายไปอำเภอสวนผึ้ง) อีกประมาณ 60 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านอ้อมกอดขุนเขาอยู่ทางขวามือติดกับถนนใหญ่
เส้นทาง กรุงเทพฯ – พระราม 2 – ราชบุรี – สวนผึ้ง
จากกรุงเทพฯให้ขับมาทางถนนพระราม 2 มุ่งหน้าสู่จังหวัดสมุทรสงคราม ขับมาเรื่อยๆจนถึงแยกวังมะนาวจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปเพชรบุรี ชิดขวาขึ้นสะพานวนไปราชบุรี ให้ชิดขวาขึ้นสะพานวนมาทางราชบุรี ขับผ่านสีแยกปากท่อเลยมาประมาณ 20 กิโลเมตร จะเจอสามแยกไฟแดงและสี่แยกไฟแดงอยู่ติดๆกัน ให้เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกไฟแดงจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปอำเภอสวนผึ้ง (ทางหลวง 3208) หลังจากเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกไฟแดงแล้วให้ขับตรงไปตามทางเรื่อยๆ (ขับตามป้ายไปอำเภอสวนผึ้ง) อีกประมาณ 60 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านอ้อมกอดขุนเขาอยู่ทางขวามือติดกับถนนใหญ่
เดินทางโดยรถโดยสาร
รถทัวร์
ให้ขึ้นรถทัวร์กรุงเทพฯ-ราชบุรีที่สายใต้นั่งจนสุดสายลงที่ตัวเมืองราชบุรี แล้วให้ต่อรถบัสที่ท่ารถสินแร่สยาม (สามารถถามทางไปได้จากคนพื้นที่) ลงที่อำเภอสวนผึ้ง จากนั้นโทรศัพท์เรียกรถจากรีสอร์ทให้ไปรับได้
รถตู้
รถตู้ข้างห้างเซนจูรี ชื่อคิวจันทร์เจ้า ไปลง ซัฏป่าหวาย ถึงชัฏป่าหวายให้ต่อรถบัสหรือรถตู้ไปลงที่อำเภอสวนผึ้ง (สามารถถามทางไปได้จากคนพื้นที่ ) จากนั้นสามารถโทรศัพท์เรียกรถจากรีสอร์ทให้ไปรับได้